Ubisoft v Vivendi :Dawn of Business - สงครามที่ต้องต่อสู้ กับศัตรูที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 30 ปี
*ภาพจาก Kotaku UK
เป็นเวลาเดือนสองเดือนแล้วที่ Ubisoft กำลังเผชิญหน้ากับศัตรูร้ายหมายจะฮุบบริษัทที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 30 ปีที่บริษัทตั้งมา หลัง VIvendi บริษัทจัดจำหน่ายรายใหญ่จากฝรั่งเศษที่จะเทียบให้เห็นภาพก็คงเหมือนพวก Time Warner อะไรเทือกนี้ กำลังจ้องที่จะเข้าฮุบ Ubisoft หลังก่อนหน้านี้สามารถล้มครอบครัว Guillemot แล้วฮุบ Gameloft ไปได้แล้ว และนั่นก็เท่ากับครึ่งนึงของ Vivendi ในการเข้าเป็นเจ้าของ Ubisoft เสมือน Disney กับ Marvel หรือ Warner Bros. กับ DC Comics แล้ว อีกเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น และในสองอาทิตย์ต่อจากนี้ จะเป็นการชี้ชะตาว่า Ubisoft จะยังมีอิสระทางความคิดอยู่ต่อไป หรือจะต้องดำรงชีวิตภายใต้เงื้อมมือบริษัทสื่อมวลชนฝรั่งเศสอย่าง Vivendi กันแน่
วันนี้ เราก็จะมาคุยกันว่าทำไมเราถึงต้องห่วงค่ายฝรั่งเศสที่กำลังจะโดนบริษัทบ้านตัวเองเข้ายึดอย่าง Ubisoft ด้วย แล้วถ้า Ubisoft โดน Vivendi ฮุบแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป
เราขึ้นที่ Gameloft กันก่อนเพราะเราต้องเท้าความกันไปตั้งแต่ช่วงก่อน Gameloft จะเจอ Vivendi สูบวิญญานโน่นเลย ในตอนแรกนั้นสาขาย่อยของพี่ Vivendi อย่าง Vivendi Games ซึ่งตอนนั้นเป็นเจ้าของ Blizzard Entertainment อยู่ ได้ร่วมกันทำเกมก่อนที่ต่อมาจะจับมือร่วมกับ Activision กลายมาเป็นค่ายนาม Activision Blizzard ทุกอย่างนั้นยังสงบสุขมาด้วยดีตลอด 5 ปี Gameloft ก็อยู่ของ Gameloft ทำเกมโทรศัพท์อลังๆ ปล่อยให้โหลดขายบ้างฟรีบ้างตามประสา ทาง Vivendi ก็ไม่ได้สนใจอะไร กระทั่งเมื่อปลายปี 2015 ที่ผ่านมาเนี่ยแหละ Vivendi คงจะเบื่อลงทุนกับวงการหนัง ทีวี แล้วก็เพลงค่าย Universal Music Group ก็เลยตัดสินใจบุกวงการเกมบ้าง และไปเริ่มลงทุนกับ Gameloft และ Ubisoft ซึ่ง Vivendi ได้ลงทุนซื้อหุ้นกับ Gameloft ไป 30% และร่วมลงทุนกับ Ubisoft ในอัตรา 6%
ทีนี้ไปๆ มาๆ เรื่องชักไม่สงบ Yves Guillemot และ Michel Guillemot สองพี่น้องคนแรกก่อตั้ง Ubisoft คนหลังก่อตั้ง Gameloft เริ่มสัมผัสได้ถึงพลังงานมืด ว่าทาง Vivendi ที่อยู่ๆ มาลงทุนด้วยนี้ไม่ได้มาดี การมาลงทุนครั้งนี้ คือหมายที่จะเข้าฮุบกินมันทั้งบริษัท ไม่ได้มาแบบฉันมิตรลงนิดได้หน่อย เป็นภัยร้ายที่ทั้งสองต้องต่อสู้ เท่านั้นเองทาง Guilemot จึงเริ่มใช้ทุกกลยุทธ์เศรษฐศาสตร์ที่มีในการต่อต้านพลังมืด Vivendi พวกเขาได้ใช้ทั้งยุทธศาสตร์เริ่มระดมทุนทั้งภายในครอบครัว, เรียกร้องให้นักลงทุนชาวแคนาดาทั้งหลายมาร่วมลงทุนซื้อหุ้นจากพวกเขาไปด้วยกัน รวมไปถึงมีการขึ้นศาลด้วย เรียกได้ว่าต่อต้านสุดชีวิตเพื่อไม่ให้ถูกพลังความมืดกลืนกิน
แต่ความดีก็ไม่ได้ชนะเสมอไป 8 มิถุนายน 2016 รายงานก็ได้เผยว่าหลังจากที่ต้านมากว่าครึ่งปี ในที่สุดครอบครัว Guillemot ก็พ่ายแพ้และเสีย Gameloft ไป นี่ถือว่าเป็นการสูญเสียด้านธุรกิจที่ยิ่งใหญ่มากของครอบครัว Guillemot มันรุนแรงชนิดที่ว่า Michel Guillemot ผู้ก่อตั้ง Gameloft และเป็น CEO มานานกว่า 15 ปีเซ็นใบลาออกภายในเดือนนั้นไปเลย ณ วันที่ 29 มิถุนายน 2016 ถ้าถึงขั้นละตำแหน่งสูงขนาดนี้ทั้งที่อยู่มาได้ 15 ปีไม่มีปัญหา เป็นใครก็ต้องสัมผัสได้แหละว่างานนี้พวกเขาเอาจริงเอาจังแบบสุดๆ
ปัจจุบัน Vivendi ถือหุ้น Gameloft ในอัตรา 96.9% เรียกได้ว่าแทบจะกลืนไปทั้งบริษัทแล้วครับ
เสีย Gameloft ไปแล้ว ดูเหมือนว่า Vivendi จะยังไม่อิ่มพอ พวกเขาตัดสินใจรุกหมากเข้าหาค่าย Ubisoft ต่อทันที งานเข้าครอบครัว Guillemot เลยทีนี้เพราะ Vivendi ดูเหมือนจะใช้แผนเดิมกับที่ใช้กลืน Gameloft เป๊ะๆ เนื่องจากมันเป็นแผนที่ได้ผลชะงัดแล เมื่อ 12 กันยายน 2016 ที่ผ่านมา ครอบครัว Guillemot ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ล่าสุดได้ช่วยกันซื้อหุ้นจาก Ubisoft ไป 3.5% เพื่อให้มั่นใจว่า Ubisoft จะยังเป็นของพวกเขาและมีอิสรภาพอยู่ ว่ากันง่ายๆ คือไม่ให้แมสหนักไปมากกว่าที่เป็นในเวลานี้
แต่ Vivendi ก็ยังไล่ต้อนไม่เลิก ตอนนี้พวกเขาได้ร่วมลงทุนไปกว่า 20.2% แล้ว มีนักวิเคราะห์ตลาดมากมายมองว่า Vivendi นั้นเข้ายึด Gameloft ก่อนเพื่อให้มันเป็นฐานในการเดินเข้าไปเขมือบยูบิอีกต่อนึง ซึ่งตอนนี้ทางครอบครัว Guillemot ก็ปรึกษากับผู้ให้คำแนะนำด้านการลงทุนชนิดเข้มข้นเคร่งเครียดเลยทีเดียว ซึ่งในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้อาจจะเป็นตัวชี้ชะตาว่า Ubisoft จะยังอยู่ได้ด้วยตนเองต่อไปหรือไม่ หลังจากเป็นเอกภาพมานานกว่า 30 ปีนับตั้งแต่การก่อตั้งบริษัทและไต่เต้ามาตั้งแต่การขอเกมจากค่ายอื่นอาทิ EA มาจัดจำหน่ายเกมให้ประชาชนในฝรั่งเศสในปี 1986 ได้สัมผัส สู่การเป็นค่ายเกมชั้นนำระดับโลกในปัจจุบัน
ว่าแต่เราจะสนทำไมน้อ อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงจะสงสัย เรื่องของธุรกิจก็ปล่อยให้เป็นธุรกิจไปสิ เข็นเกมใหม่ๆ ภาพสวยเกมเพลย์สนุกๆ มาให้เล่นก็พอเหอะ
Ubisoft ,พูดแบบไม่ได้อวยหรือเป็นติ่งแต่อย่างใดนะครับ คือค่ายตลาดทำเกม AAA ที่ 'กล้า' และบ้าที่สุด ณ เวลานี้ ในขณะที่ค่ายอื่นกลัวตายขายไม่ออก เอาแต่ออกภาคต่อเกมเก่าซ้ำๆ ซากๆ อาทิ EA หรือ Activision, Ubisoft คือหนึ่งในไม่กี่ค่ายตลาดในปัจจุบันที่กล้าเข็นอะไรแปลกๆ มาใส่ตลาด อย่างล่าสุดก็ Champion of Anteria หรือก่อนหน้านี้ก็ Valiant Heart, ซีรีส์สร้างเมือง Anno และ Child of Light แมสหนักๆหน่อยตอนนี้ก็ For Honor หรือย้อนเวลาไปก็ The Crew และ Watch_Dogs นี่ยังไม่ได้ยก Farcry: Blood Dragon ที่แหวกแนวไปคนละทางกับตลาดเลยนะ
คือพูดแบบขัดแย้งเลยคือเราต้องการ Ubisoft ครับ ถึงแม้จะเป็นค่ายเดียวกับที่ปั่นภาคต่อ Assassin's Creed รายปีจนแม้แต่ฐานแฟนๆ ยังเบื่อ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าเราไม่มี Ubisoft เราก็คงนั่งจมไปกับภาคต่อ Call of Duty หรือ ภาคใหม่ Battlefield วนเวียนไม่สิ้นสุดและไม่มีวันได้เห็นอะไรใหม่ๆ เห็นแล้วรู้สึกสดชื่นกันอยู่นั่นล่ะ ในขณะที่ค่ายอื่นเชื่อในชื่อเดิมที่สร้างฐานแฟนๆ มาตลอดสามปีห้าปีสิบปี Ubisoft ไม่ได้เชื่อตรงนี้แล้วตัดสินใจเข็นเกมชื่อใหม่ๆ ไม่มีใครเคยได้ยินออกมาเสมอ ขยันสร้างแฟนหน้าใหม่ และ Hater หน้าใหม่เรื่อยๆ มาตลอด
จะบอกว่า Ubisoft ไม่ใช่ค่ายตลาดหรือเป็นพระเจ้าแบบ Valve ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว ผลงานความผิดเก่าที่ไม่น่าจดจำอย่างการนำเสนอ Watch_Dogs เมื่อปี 2012 กระทั่งตัวเต็ม 2014 ที่งานภาพต่างกันราวฟ้ากับเหวยังคงมีให้เห็นเป็นตราบาป แต่ Ubisoft นั่นเหมือนกับ EA ที่ยังคงเป็นอิสระอยู่ จะทำอะไรก็ทำได้ ไม่ได้ถูกเบื้องบนแอบนำทางเสมอๆ แบบ 2K Games กับ Rockstar ที่มีเบื้องบน Take-Two Interactive คอยนำทางให้ทำแต่เกม AAA ใหญ่ๆ ตลอดเวลา ไม่มีโอกาสพักเบาๆ ไปนั่งทำเกมเล็กๆ เหมือนค่ายอื่นเลย
ถ้าเราเสีย Ubisoft ไปให้กับค่ายสื่อแมสแบบนี้ ปีหน้าก็ไม่ต้องหวังเห็น Beyond Good & Evil 2 หรืออะไรแปลกๆ จาก Ubisoft ได้อีกเลย เพราะอะไรเหรอ ไม่ใช่ชื่อทำเงินไง! วงการเกมเดี๋ยวนี้คือธุรกิจร้อยล้านครับ ไม่ได้ต่างกับวงการหนังเดี๋ยวนี้เท่าไหร่หรอก ชื่อคือเรื่องสำคัญ มีชื่อที่คนรู้จักกันดี ยังไงก็ขายได้ เหมือนหนัง Marvel ไง ลองตัดโลโก้มาเวลออกไปสิ หมอปงหมอแปลกอะไรก็คงไม่มีใครรู้จักหรอก
"จะมาทำเกมชื่อที่ขายได้แต่แฟนๆ แต่ไม่เข้าถึงคนทั่วไปเหรอ เฮอะ อย่าหวังเลย" นี่คือ Mindset ของพวกนักธุรกิจครับ พวกเขาไม่ได้สนใจแฟนๆ เกมมากหรอก พวกเขาสนเม็ดเงินกว่า นั่นทำให้การเข็นอะไรแปลกใหม่ออกมาลงตลาดเป็นสิ่งที่นักธุรกิจสมัยนี้ 'กลัว' กันเป็นพิเศษ กลัวว่าจะพังแบบตัวอย่างล่าสุดก็ Battleborn ที่ตอนนี้เรียกได้ว่าร้างคนทุกขอบเขต ไม่มีใครคิดจะซื้อเล่นต่อให้ลดหนักแค่ไหนก็ตามที เจ๊งขนาดนี้ป่านนี้ Gearbox คงรีบกลับไปหา Borderlands ทำภาคสามต่อแล้วล่ะ
หรืออีกตัวอย่าง Rayman คือชื่อที่เสี่ยง แค่ชื่อฟังดูก็เหมือนเกมเด็ก 5 ขวบแล้ว แถมครั้งสุดท้ายที่มีชื่อนี้ขายคือปี 1999 แฟนๆ ลืมกันหมดหรือยังก็ไม่รู้ ถ้าทีมพัฒนามาจากไหนไม่รู้เอาเกมหน้าตาเข้าไม่ถึงตลาดแบบนี้ไปขายให้ Activision ร้อยทั้งร้อยไม่รับหรอกครับ หน้าตาง้องแง้งไม่พอ ไม่มีใครรู้จักอีก ไม่รู้จะขายออกหรือเปล่าเสี่ยงเกินไปเธอไปหาที่อื่นเถอะ แต่มาหา Ubisoft ทางนี้เข็นแหลกทั้งเกมอินดี้ชิลๆออกถึงสองภาค ยันเกมโทรศัพท์ ซึ่งก็ได้รับคำชมล้นหลามไม่แพ้กัน นี่ล่ะ คือสิ่งที่ทำให้พวก Ubisoft หรือ EA หรือ Valve นั้นดู 'พิเศษ' กว่าค่ายที่ถูกบีบโดยเบื้องบนเสมอ
เราไม่รู้หรอกครับว่าความจริงแล้วเราต้องการค่าย Ubisoft มากแค่ไหน เป็นหนึ่งในไม่กี่ค่ายตลาด AAA ในวงการเกมเวลานี้ ที่จะทำอะไรก็ได้ไม่ต้องสนว่าเบื้องบนจะยี้หรือไม่ เป็นค่ายตลาดที่เข็นอะไรใหม่ๆ แลดูอินดี้มาลงตลาดได้เป็นช่วงๆ โดยไม่แคร์ว่ามันจะขายออกหรือเปล่า ทำเหมือนเป็นการเสริมตลาด เป็นงานอดิเรกว่างๆที่อยากให้ทุกคนได้สัมผัสกัน ณ จุดๆนี้ ก็ได้แต่หวังว่า Ubisoft จะสามารถเอาชนะ Vivendi และยังคงเป็นอิสรภาพอยู่ ทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องสนยอดขายมากว่าจะขายออกไหม
ถ้า Vivendi มาสูบไป แล้ว Ubisoft ไม่ยอมเข็นอะไรสร้างสรรค์ออกมาอีก เอาแต่สร้างภาคต่อ Assassin's Creed กับขาย DLC ไปวันๆเพื่อหาเงินไปประเคนนักลงทุนทั้งหลายจาก Vivendi วันนั้นแหละเราจะคิดถึง Ubisoft สมัยยังหาญกล้าขึ้นมา
https://www.youtube.com/watch?v=kbFCVADHdBQ
เป็นเวลาเดือนสองเดือนแล้วที่ Ubisoft กำลังเผชิญหน้ากับศัตรูร้ายหมายจะฮุบบริษัทที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 30 ปีที่บริษัทตั้งมา หลัง VIvendi บริษัทจัดจำหน่ายรายใหญ่จากฝรั่งเศษที่จะเทียบให้เห็นภาพก็คงเหมือนพวก Time Warner อะไรเทือกนี้ กำลังจ้องที่จะเข้าฮุบ Ubisoft หลังก่อนหน้านี้สามารถล้มครอบครัว Guillemot แล้วฮุบ Gameloft ไปได้แล้ว และนั่นก็เท่ากับครึ่งนึงของ Vivendi ในการเข้าเป็นเจ้าของ Ubisoft เสมือน Disney กับ Marvel หรือ Warner Bros. กับ DC Comics แล้ว อีกเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น และในสองอาทิตย์ต่อจากนี้ จะเป็นการชี้ชะตาว่า Ubisoft จะยังมีอิสระทางความคิดอยู่ต่อไป หรือจะต้องดำรงชีวิตภายใต้เงื้อมมือบริษัทสื่อมวลชนฝรั่งเศสอย่าง Vivendi กันแน่
วันนี้ เราก็จะมาคุยกันว่าทำไมเราถึงต้องห่วงค่ายฝรั่งเศสที่กำลังจะโดนบริษัทบ้านตัวเองเข้ายึดอย่าง Ubisoft ด้วย แล้วถ้า Ubisoft โดน Vivendi ฮุบแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป
Gameloft
เราขึ้นที่ Gameloft กันก่อนเพราะเราต้องเท้าความกันไปตั้งแต่ช่วงก่อน Gameloft จะเจอ Vivendi สูบวิญญานโน่นเลย ในตอนแรกนั้นสาขาย่อยของพี่ Vivendi อย่าง Vivendi Games ซึ่งตอนนั้นเป็นเจ้าของ Blizzard Entertainment อยู่ ได้ร่วมกันทำเกมก่อนที่ต่อมาจะจับมือร่วมกับ Activision กลายมาเป็นค่ายนาม Activision Blizzard ทุกอย่างนั้นยังสงบสุขมาด้วยดีตลอด 5 ปี Gameloft ก็อยู่ของ Gameloft ทำเกมโทรศัพท์อลังๆ ปล่อยให้โหลดขายบ้างฟรีบ้างตามประสา ทาง Vivendi ก็ไม่ได้สนใจอะไร กระทั่งเมื่อปลายปี 2015 ที่ผ่านมาเนี่ยแหละ Vivendi คงจะเบื่อลงทุนกับวงการหนัง ทีวี แล้วก็เพลงค่าย Universal Music Group ก็เลยตัดสินใจบุกวงการเกมบ้าง และไปเริ่มลงทุนกับ Gameloft และ Ubisoft ซึ่ง Vivendi ได้ลงทุนซื้อหุ้นกับ Gameloft ไป 30% และร่วมลงทุนกับ Ubisoft ในอัตรา 6%
ทีนี้ไปๆ มาๆ เรื่องชักไม่สงบ Yves Guillemot และ Michel Guillemot สองพี่น้องคนแรกก่อตั้ง Ubisoft คนหลังก่อตั้ง Gameloft เริ่มสัมผัสได้ถึงพลังงานมืด ว่าทาง Vivendi ที่อยู่ๆ มาลงทุนด้วยนี้ไม่ได้มาดี การมาลงทุนครั้งนี้ คือหมายที่จะเข้าฮุบกินมันทั้งบริษัท ไม่ได้มาแบบฉันมิตรลงนิดได้หน่อย เป็นภัยร้ายที่ทั้งสองต้องต่อสู้ เท่านั้นเองทาง Guilemot จึงเริ่มใช้ทุกกลยุทธ์เศรษฐศาสตร์ที่มีในการต่อต้านพลังมืด Vivendi พวกเขาได้ใช้ทั้งยุทธศาสตร์เริ่มระดมทุนทั้งภายในครอบครัว, เรียกร้องให้นักลงทุนชาวแคนาดาทั้งหลายมาร่วมลงทุนซื้อหุ้นจากพวกเขาไปด้วยกัน รวมไปถึงมีการขึ้นศาลด้วย เรียกได้ว่าต่อต้านสุดชีวิตเพื่อไม่ให้ถูกพลังความมืดกลืนกิน
แต่ความดีก็ไม่ได้ชนะเสมอไป 8 มิถุนายน 2016 รายงานก็ได้เผยว่าหลังจากที่ต้านมากว่าครึ่งปี ในที่สุดครอบครัว Guillemot ก็พ่ายแพ้และเสีย Gameloft ไป นี่ถือว่าเป็นการสูญเสียด้านธุรกิจที่ยิ่งใหญ่มากของครอบครัว Guillemot มันรุนแรงชนิดที่ว่า Michel Guillemot ผู้ก่อตั้ง Gameloft และเป็น CEO มานานกว่า 15 ปีเซ็นใบลาออกภายในเดือนนั้นไปเลย ณ วันที่ 29 มิถุนายน 2016 ถ้าถึงขั้นละตำแหน่งสูงขนาดนี้ทั้งที่อยู่มาได้ 15 ปีไม่มีปัญหา เป็นใครก็ต้องสัมผัสได้แหละว่างานนี้พวกเขาเอาจริงเอาจังแบบสุดๆ
ปัจจุบัน Vivendi ถือหุ้น Gameloft ในอัตรา 96.9% เรียกได้ว่าแทบจะกลืนไปทั้งบริษัทแล้วครับ
Ubisoft
เสีย Gameloft ไปแล้ว ดูเหมือนว่า Vivendi จะยังไม่อิ่มพอ พวกเขาตัดสินใจรุกหมากเข้าหาค่าย Ubisoft ต่อทันที งานเข้าครอบครัว Guillemot เลยทีนี้เพราะ Vivendi ดูเหมือนจะใช้แผนเดิมกับที่ใช้กลืน Gameloft เป๊ะๆ เนื่องจากมันเป็นแผนที่ได้ผลชะงัดแล เมื่อ 12 กันยายน 2016 ที่ผ่านมา ครอบครัว Guillemot ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ล่าสุดได้ช่วยกันซื้อหุ้นจาก Ubisoft ไป 3.5% เพื่อให้มั่นใจว่า Ubisoft จะยังเป็นของพวกเขาและมีอิสรภาพอยู่ ว่ากันง่ายๆ คือไม่ให้แมสหนักไปมากกว่าที่เป็นในเวลานี้
แต่ Vivendi ก็ยังไล่ต้อนไม่เลิก ตอนนี้พวกเขาได้ร่วมลงทุนไปกว่า 20.2% แล้ว มีนักวิเคราะห์ตลาดมากมายมองว่า Vivendi นั้นเข้ายึด Gameloft ก่อนเพื่อให้มันเป็นฐานในการเดินเข้าไปเขมือบยูบิอีกต่อนึง ซึ่งตอนนี้ทางครอบครัว Guillemot ก็ปรึกษากับผู้ให้คำแนะนำด้านการลงทุนชนิดเข้มข้นเคร่งเครียดเลยทีเดียว ซึ่งในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้อาจจะเป็นตัวชี้ชะตาว่า Ubisoft จะยังอยู่ได้ด้วยตนเองต่อไปหรือไม่ หลังจากเป็นเอกภาพมานานกว่า 30 ปีนับตั้งแต่การก่อตั้งบริษัทและไต่เต้ามาตั้งแต่การขอเกมจากค่ายอื่นอาทิ EA มาจัดจำหน่ายเกมให้ประชาชนในฝรั่งเศสในปี 1986 ได้สัมผัส สู่การเป็นค่ายเกมชั้นนำระดับโลกในปัจจุบัน
ว่าแต่เราจะสนทำไมน้อ อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงจะสงสัย เรื่องของธุรกิจก็ปล่อยให้เป็นธุรกิจไปสิ เข็นเกมใหม่ๆ ภาพสวยเกมเพลย์สนุกๆ มาให้เล่นก็พอเหอะ
จากอิสระจะไม่อิสระอีก
Ubisoft ,พูดแบบไม่ได้อวยหรือเป็นติ่งแต่อย่างใดนะครับ คือค่ายตลาดทำเกม AAA ที่ 'กล้า' และบ้าที่สุด ณ เวลานี้ ในขณะที่ค่ายอื่นกลัวตายขายไม่ออก เอาแต่ออกภาคต่อเกมเก่าซ้ำๆ ซากๆ อาทิ EA หรือ Activision, Ubisoft คือหนึ่งในไม่กี่ค่ายตลาดในปัจจุบันที่กล้าเข็นอะไรแปลกๆ มาใส่ตลาด อย่างล่าสุดก็ Champion of Anteria หรือก่อนหน้านี้ก็ Valiant Heart, ซีรีส์สร้างเมือง Anno และ Child of Light แมสหนักๆหน่อยตอนนี้ก็ For Honor หรือย้อนเวลาไปก็ The Crew และ Watch_Dogs นี่ยังไม่ได้ยก Farcry: Blood Dragon ที่แหวกแนวไปคนละทางกับตลาดเลยนะ
คือพูดแบบขัดแย้งเลยคือเราต้องการ Ubisoft ครับ ถึงแม้จะเป็นค่ายเดียวกับที่ปั่นภาคต่อ Assassin's Creed รายปีจนแม้แต่ฐานแฟนๆ ยังเบื่อ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าเราไม่มี Ubisoft เราก็คงนั่งจมไปกับภาคต่อ Call of Duty หรือ ภาคใหม่ Battlefield วนเวียนไม่สิ้นสุดและไม่มีวันได้เห็นอะไรใหม่ๆ เห็นแล้วรู้สึกสดชื่นกันอยู่นั่นล่ะ ในขณะที่ค่ายอื่นเชื่อในชื่อเดิมที่สร้างฐานแฟนๆ มาตลอดสามปีห้าปีสิบปี Ubisoft ไม่ได้เชื่อตรงนี้แล้วตัดสินใจเข็นเกมชื่อใหม่ๆ ไม่มีใครเคยได้ยินออกมาเสมอ ขยันสร้างแฟนหน้าใหม่ และ Hater หน้าใหม่เรื่อยๆ มาตลอด
จะบอกว่า Ubisoft ไม่ใช่ค่ายตลาดหรือเป็นพระเจ้าแบบ Valve ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว ผลงานความผิดเก่าที่ไม่น่าจดจำอย่างการนำเสนอ Watch_Dogs เมื่อปี 2012 กระทั่งตัวเต็ม 2014 ที่งานภาพต่างกันราวฟ้ากับเหวยังคงมีให้เห็นเป็นตราบาป แต่ Ubisoft นั่นเหมือนกับ EA ที่ยังคงเป็นอิสระอยู่ จะทำอะไรก็ทำได้ ไม่ได้ถูกเบื้องบนแอบนำทางเสมอๆ แบบ 2K Games กับ Rockstar ที่มีเบื้องบน Take-Two Interactive คอยนำทางให้ทำแต่เกม AAA ใหญ่ๆ ตลอดเวลา ไม่มีโอกาสพักเบาๆ ไปนั่งทำเกมเล็กๆ เหมือนค่ายอื่นเลย
ลาก่อนความสดใหม่
ถ้าเราเสีย Ubisoft ไปให้กับค่ายสื่อแมสแบบนี้ ปีหน้าก็ไม่ต้องหวังเห็น Beyond Good & Evil 2 หรืออะไรแปลกๆ จาก Ubisoft ได้อีกเลย เพราะอะไรเหรอ ไม่ใช่ชื่อทำเงินไง! วงการเกมเดี๋ยวนี้คือธุรกิจร้อยล้านครับ ไม่ได้ต่างกับวงการหนังเดี๋ยวนี้เท่าไหร่หรอก ชื่อคือเรื่องสำคัญ มีชื่อที่คนรู้จักกันดี ยังไงก็ขายได้ เหมือนหนัง Marvel ไง ลองตัดโลโก้มาเวลออกไปสิ หมอปงหมอแปลกอะไรก็คงไม่มีใครรู้จักหรอก
"จะมาทำเกมชื่อที่ขายได้แต่แฟนๆ แต่ไม่เข้าถึงคนทั่วไปเหรอ เฮอะ อย่าหวังเลย" นี่คือ Mindset ของพวกนักธุรกิจครับ พวกเขาไม่ได้สนใจแฟนๆ เกมมากหรอก พวกเขาสนเม็ดเงินกว่า นั่นทำให้การเข็นอะไรแปลกใหม่ออกมาลงตลาดเป็นสิ่งที่นักธุรกิจสมัยนี้ 'กลัว' กันเป็นพิเศษ กลัวว่าจะพังแบบตัวอย่างล่าสุดก็ Battleborn ที่ตอนนี้เรียกได้ว่าร้างคนทุกขอบเขต ไม่มีใครคิดจะซื้อเล่นต่อให้ลดหนักแค่ไหนก็ตามที เจ๊งขนาดนี้ป่านนี้ Gearbox คงรีบกลับไปหา Borderlands ทำภาคสามต่อแล้วล่ะ
หรืออีกตัวอย่าง Rayman คือชื่อที่เสี่ยง แค่ชื่อฟังดูก็เหมือนเกมเด็ก 5 ขวบแล้ว แถมครั้งสุดท้ายที่มีชื่อนี้ขายคือปี 1999 แฟนๆ ลืมกันหมดหรือยังก็ไม่รู้ ถ้าทีมพัฒนามาจากไหนไม่รู้เอาเกมหน้าตาเข้าไม่ถึงตลาดแบบนี้ไปขายให้ Activision ร้อยทั้งร้อยไม่รับหรอกครับ หน้าตาง้องแง้งไม่พอ ไม่มีใครรู้จักอีก ไม่รู้จะขายออกหรือเปล่าเสี่ยงเกินไปเธอไปหาที่อื่นเถอะ แต่มาหา Ubisoft ทางนี้เข็นแหลกทั้งเกมอินดี้ชิลๆออกถึงสองภาค ยันเกมโทรศัพท์ ซึ่งก็ได้รับคำชมล้นหลามไม่แพ้กัน นี่ล่ะ คือสิ่งที่ทำให้พวก Ubisoft หรือ EA หรือ Valve นั้นดู 'พิเศษ' กว่าค่ายที่ถูกบีบโดยเบื้องบนเสมอ
สรุป
เราไม่รู้หรอกครับว่าความจริงแล้วเราต้องการค่าย Ubisoft มากแค่ไหน เป็นหนึ่งในไม่กี่ค่ายตลาด AAA ในวงการเกมเวลานี้ ที่จะทำอะไรก็ได้ไม่ต้องสนว่าเบื้องบนจะยี้หรือไม่ เป็นค่ายตลาดที่เข็นอะไรใหม่ๆ แลดูอินดี้มาลงตลาดได้เป็นช่วงๆ โดยไม่แคร์ว่ามันจะขายออกหรือเปล่า ทำเหมือนเป็นการเสริมตลาด เป็นงานอดิเรกว่างๆที่อยากให้ทุกคนได้สัมผัสกัน ณ จุดๆนี้ ก็ได้แต่หวังว่า Ubisoft จะสามารถเอาชนะ Vivendi และยังคงเป็นอิสรภาพอยู่ ทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องสนยอดขายมากว่าจะขายออกไหม
ถ้า Vivendi มาสูบไป แล้ว Ubisoft ไม่ยอมเข็นอะไรสร้างสรรค์ออกมาอีก เอาแต่สร้างภาคต่อ Assassin's Creed กับขาย DLC ไปวันๆเพื่อหาเงินไปประเคนนักลงทุนทั้งหลายจาก Vivendi วันนั้นแหละเราจะคิดถึง Ubisoft สมัยยังหาญกล้าขึ้นมา
https://www.youtube.com/watch?v=kbFCVADHdBQ
วิดีโอที่คนในต่างประเทศว่ากันว่าเป็นการเจตนาส่งข้อความให้ Vivendi ฟังว่าพวกเขาจะต่อสู้เพื่ออิสรภาพยันวินาทีสุดท้าย
Post a Comment