Header Ads

[รีวิว]Gone In November เกมนำเสนอความคิดของมนุษย์ซึมเศร้า ที่พยายามมากไปแต่ไม่เลวร้ายนัก

ปัจจุบันนี้เรามีเกมอินดี้มากมายทั้งในโทรศัพท์และบนคอมพิวเตอร์ หนึ่งในแนวเกมที่มักจะเป็นที่นิยมหยิบมาพัฒนาก็ไม่พ้นแนว 'Walking Simulator' เดินกินลมชมศิลปะซึ่งก็มีเกมดังๆมากมายที่เป็นแบบนี้ทั้ง Firewatch, Dear Esther และอีกมากมาย เนื่องจากเป็นแนวเกมที่ไม่ต้องใช้เวลาพัฒนานานเพราะไม่ค่อยมี Code ที่จำเป็นต้องเขียนเยอะมากนัก สิ่งที่คนพัฒนาต้องมีก็คือ Vision ในการสื่อสิ่งที่ต้องการจะนำเสนอผ่านรูปแบบเกมที่สามารถสื่อได้อย่างชัดเจน และความเป็นศิลปะมากกว่า เป็นเกมที่ไม่สามารถเรียกได้ว่าเกม แต่ควรจะเรียกว่า 'ประสบการณ์' เสียมากกว่า และ Gone In November ที่เราจะมารีวิวกันนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ


พัฒนาโดย : Florastamine


จัดจำหน่ายโดย : Sometimes You (และยังเป็นผู้สนับสนุนตัวเกมให้กับเราด้วย ต้องขอขอบพระคุณมาอย่างสูง


วางจำหน่าย : 19 สิงหาคม 2016


ราคา : 29 บาท


Gone In November ไม่สามารถเรียกว่าเกมได้ ควรจะเรียกว่าเป็น 'ประสบการณ์' เปิดเกมมาทีมพัฒนาก็ปาประโยคแรกที่แฝงไปด้วยการเย้ายวนว่าอะไรกำลังรอคอยเราอยู่ด้วยประโยคที่ว่า 'Forget In Progress' ที่แปลว่า 'กำลังอยู่ในการลืม' ลืมในที่นี้ไม่ต้องคิดไกลว่าลืมอะไรเพราะคงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก 'ความจำ' ว่าแต่เกมต้องการให้เราลืมอะไรกันนะ ว่าแล้วผมก็กด New Game โลด



เปิดมาก็ต้องพบกับกราฟิคที่มองแวบเดียวก็รู้เลยว่าไม่น่าจะใช้งบประมาณเกิน 500$ เพราะดูจากรายละเอียดพื้นผิวที่น่ากลัวและรูปทรงสิ่งของที่ดูเหลี่ยมๆแล้วพาลนึกถึง the static speaks my name แต่เข้าใจว่าเป็นแค่เกมอินดี้ราคาเท่ากับข้าวจานนึงต้องการอะไรมาก ก็เลยปล่อยเลยตามเลยและหันไปจ้องเนื้อหาของเกมและประเด็นที่ต้องการจะสื่อแทน



Gone In November จะพูดถึงชายคนหนึ่ง เพิ่งไปหาหมอมาแหน่ะ หมอบอกว่า เออ คุณน่ะป่วยเป็นโรคร้ายนะ ลูคีเมียอ่ะรู้จักบ่ หรือต้องให้บอกว่ามันคือมะเร็งเม็ดเลือดขาว หมอขอให้กำลังใจด้วยการบอกว่า อีกสามวันคุณก็ต้องลาโลกไปแล้ว ชายที่เราจะต้องเล่นนี้ก็เลยกลับมายังบ้านเป็นครั้งสุดท้าย เขียนลิสสิ่งที่อยากจะทำขึ้นมาในสามวันนี้ แล้วตัดสินใจว่าจะอยู่ในบ้านหลังนี้แหละจนถึงระยะสุดท้าย

ชายคนที่เราจะต้องเล่นนี้ เขาเป็นโรคซึมเศร้าและขี้ระแวงมาตั้งแต่เด็กครับ โรคที่ใครหลายคนต้องเข้าใจว่าแหย่เล่นไม่ได้เลย ต้องกินยามาตลอด นี่ทำให้จุดหลักที่ต้องการสื่อของ Gone In November ก็คือการพาไปดูจิตใจของคนที่เป็นโรคร้าย แถมยังต้องเป็นโรคซึมเศร้าไปด้วย จะฆ่าตัวตายไปทำไมอีกสามวันก็ลาโลกแล้ว และขอยอมเลยว่าการสื่อตรงนี้ Gone In November สามารถตีได้ขาดลอยครับ ทั้งนี้อยากจะเขียนเนื้อเรื่องเต็มๆเหมือนกันนะ แต่กลัวว่าจะเป็นการสปอย เอาเป็นว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้าแต่ไม่ได้เศร้าเพราะกำลังจะตายอย่างเดียวก็แล้วกัน



สิ่งที่ไม่ชอบนั้นมีอยู่สองอย่าง ข้อแรกเลยคือการทำให้เกมตัวเองนั้นดู Edgy ตึงเครียดดูดาร์คๆ อินดี้ด้วยการใส่ Jumpscare ลงไปในเกมสองสามตัว ไม่หรอกครับ ไม่ได้มีผี แต่เป็นเสียงดังแบบของตกปัง! หรืออยู่ๆ จอดีบพรึบไปเลยอะไรแบบนี้ อันนี้ผมเกลียดอย่างแรงเพราะนอกจากจะใส่มาได้ไม่ได้ถูกจังหวะหรือเหมาะกับตัวเกมเลยแล้ว ยังทำให้ผมเกิดอาการตกใจแทบจะตกเก้าอี้ด้วย (อันนี้ความเห็นส่วนตัว ฮ่าๆ)



อีกข้อเลยคือการขาดเสียง เกมเงียบมากครับ อย่างที่บอกมันพยายามที่จะทำให้ตัวเองดู Edgy ตัวเกมเลยไม่มี Soundtrack อะไรเล่นเป็นพื้นหลังเลย มีแต่เสียง Effect สดๆ อาทิเสียงเดิน เสียงรดน้ำต้นไม้ นี่อาจทำให้คนเล่นอาจจะเกิดอาการง่วงได้ และยิ่งตัวเกมไม่มีเสียงพากษ์อะไรเลยอีก (มาแต่ตัวอักษร อ่าน แปล แล้วก็จิ้นเอาเองนะจ๊ะผู้เล่น) ถ้าหลับก่อนเล่นจบผมจะไม่แปลกใจเลยครับ



เพราะความเป็น Walking Simulator ตอนเดียวที่คุณจะได้รู้สึกเหมือนเล่นเกม มิได้เหมือนดูหนังจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ก็คือการกดเดิน WASD และขยับเมาส์ ดังนั้นใครที่จะมาตามหาระบบยิง ระบบต่อสู้วิ่งหนีหานั่นเก็บนี่ อาจจะต้องหันไปที่เส้นทางอื่น (อาทิ Phantaruk ที่เราเคยรีวิวมาก่อนหน้านี้ ...ขายตรงกันแบบนี้แหละ) แตถ้าเงินเหลือ แล้วเบื่อแอ็คชั่นอยากลองไปสำรวจสิ่งที่อยู่ในหัวของบุรุษผู้สิ้นหวัง ก็ลองดูกันได้ แปะลิงค์ Steam ด้านล่างไว้แล้วครับ

ไม่มีความคิดเห็น